somwany

somwany
i^x4kr

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ขนมเค้ก


สําหรับคนที่ผ่านไปมาบริเวณซอยทะลุ จาก ทองหล่อ 13 มุ่งหน้าไปทางอโศก จะเห็นร้านอาหารและบริการมากมาย แต่ก็ ไม่มีร้านไหนสะดุดตา และดูอินเทรนด์เท่ากับ "เค้กวอล์ก" (Cake Walk) ด้วยร้านที่กรุกระจกรายรอบ ส่องให้เห็นการตกแต่งออกแนวแฟชั่น ด้วยโคมไฟกิ๊บเก๋ แฝงความหรูหรา กับเก้าอี้นั่งที่ดูคล้ายกระจกแต่งหน้า หรือบ้านตุ๊กตา ในโทนสีขาวม่วงแสนสุดจะน่ารัก

เค้กเด่นๆ ของที่นี่ที่ขายดิบขายดี ได้แก่ สตรอเบอร์รีช็อตเค้ก
ที่แม้หมดหน้าสตรอเบอร์รีก็ยังมีให้รับประทาน แถมสตรอเบอร์รี่ยังให้โตเท่าผลส้ม...แหะนี้เกินจิงไปนิสนึง....อีกชิ้นหนึ่งที่ไม่น่าพลาดคือเค้กช็อกโกแลตเอิร์ลเกรย์ที่ได้ความเข้มข้นของช็อกโกแลต นุ่มลิ้นของเนื้อเค้กอันหวานหอม....ถ้ากินคู่กับชาสักแก้วดูเข้ากาน....เข้ากัน แล้วใครจะไปเค้กวอล์ก แค่เลี้ยวเข้าซอยทองหล่อ 13 (ปากซอยเป็นร้านอาหารเก่าแก่ชื่อต้นเครื่องมั้งนะ) ไปราวๆ 300 เมตร ร้านอยู่ทางด้านขวามือ หลงทาง โทร. 02-390-0145

Souffle house ร้านเล็กๆ สีเหลืองส้มสะดุดตา เก้าอี้สีแดง
ตู้เค้กที่อัดแน่นไปด้วยเค้กหน้าตาน่าทานอยู่ตามไปหมด เค้กที่นี้ทั้งหมดผ่านการปรับปรุง ทั้งสูตรและส่วนผสม มีการลดปริมาณน้ำตาลเพื่อสุขภาพและรสชาติของเค้กที่จะไม่หวานจนเลี่ยน ร้านนี้ ขอบอกว่าเนื่อหาจะเน้นหนักไปที่เค้ก

Amaretto เค้กช๊อคโกแลต สไตล์แมนๆ ด้วยส่วนผสมเหล้า Amaretto จากฮอลแลนด์ โชยกลิ่นคาราเมลอยู่นิดๆ อัลมอนต์เคลือบอยู่ด้านบน เพิ่มรสเข้มข้น

Raspberry Yoghurt Cheese Cake ชิ้นนี้ไม่อ้วนเหมาะกับสาวๆ ด้วยมูสโยเกริต์ราสเบอรี่กับชีสเค้ก กัดคำแรกก็นุ่ม รสเปรี้ยวจะมาทักทายก่อนตามด้วยความหวานแบบผลไม้ เป็นเค้กอีกชิ้นที่ขายดี
ร้านอยู่ที่: 105 ถ.จรัสเวียง แขวงสีลม

ข่าว

                 กระแสการประท้วงต่อต้านรัฐบาลลุกลามไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังการโค่นล้มผู้นำเผด็จการในอียิปต์และตูนิเซียประสบความสำเร็จ
ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาดแห่งอิหร่าน กล่าวประณามการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศว่า "ไร้ทิศทาง" และเตรียมลงโทษผู้ปลุกระดมประชาชน
นายอาห์มาดิเนจาดกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลว่า มี"ศัตรู" พยายามที่จะทำให้ความรุ่งโรจน์ของประเทศได้รับความมัวหมอง เป็นที่แน่ชัดว่าอิหร่านมีศัตรูหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความเจริญสูงสุด และต้องการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ ในโลก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีศัตรูมากเพียงใด แต่พวกก่อการประท้วงก็จะไม่มีวันสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายได้
        พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมากจากเหตุปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจในกรุงเตหะราน รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง 9 นาย หลังจากผู้สนับสนุนฝ่ายค้านหลายพันคนชุมนุมตามท้องถนนต่อต้านประธานาธิบดีอาห์มาดิเนจาด
สำนักข่าวเออร์นาของทางการอิหร่าน รายงานเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) โดยอ้างคำกล่าวของพล.ต.อ.อาห์หมัด เรซา ราดาน รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่ามีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บกว่าสิบคน ในการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับผู้ประท้วง โดยได้มีการจับกุมผู้ประท้วงไปจำนวนหนึ่ง
พล.ต.อ.ราดาน กล่าวว่า กลุ่มมูจาฮีดีนแห่งอิหร่าน ซึ่งเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย ได้ยิงเข้าใส่ประชาชนและหน่วยงานด้านความมั่นคง จนทำให้ประชาชนเสียชีวิต พร้อมระบุว่าการชุมนุมครั้งนี้ได้รับแนวทางจากสหรัฐ อังกฤษ และอิสราเอล
ขณะที่สำนักข่าวฟาร์สนิวส์ซึ่งสนับสนุนรัฐบาล กล่าวว่าประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกลูกหลงจากปืนของผู้ประท้วง และเสียชีวิต 1 ราย
        นายบารัค โอบามา กล่าวต่อสถานการณ์ครั้งนี้ว่า "ผมรู้สึกว่ามันประหลาดและน่าขันที่รัฐบาลอิหร่านแสร้งแสดงความยินดีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอียิปต์ แต่กลับพบว่าตนเองกระทำในสิ่งที่ขัดแย้ง โดยการทำร้ายหรือสังหารประชาชนที่พยายามเรียกร้องด้วยความสงบ" นอกจากนั้นยังแสดงความคิดเห็นว่า สหรัฐฯไม่ได้เป็นผู้บงการให้เกิดการประท้วงขึ้นในอิหร่าน แต่หวังว่าประชาชนจะแสดงความกล้าหาญในการลุกขึ้นมาแสดงความต้องการเสรีภาพและรัฐบาลที่สามารถเป็นตัวแทนของพวกเขาได้อย่างแท้จริง
ส่วนในอียิปต์นั้น สภาสูงสุดแห่งกองทัพเรียกร้องแกนนำสหภาพแรงงานให้ยุติการประท้วง หลังจากมีการนัดหยุดงานของคนงานภาคธนาคาร ขนส่ง สาธารณสุข น้ำมัน การท่องเที่ยว และสิ่งทอ รวมถึงสื่อและหน่วยงานภาครัฐ

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันมาฆาบูชา

พิธีวันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 3 หรือประมาณราวเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากเป็นปีอธิกมาส (ปีที่มีเดือน 8 สองหน) วันมาฆบูชาจะเลื่อนไปเป็น วันขึ้น 15 ค่ำกลางเดือน 4 หรือประมาณเดือน มีนาคม

วันมาฆบูชา ย่อมาจากคำว่า "มาฆปุรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 3 ถือเป็นวันจาตุรงคสันนิบาต แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเป็นเหตุการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้นพร้อมกันในสมัยพุทธกาล คือ

๑. พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ซึ่งจาริกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่าง ๆ เดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แควันมคธ

๒. พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปเหล่านี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ และได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา (ดูรายละเอียดได้ใน พิธีบรรพชาอุปสมบท)

๓. พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป ต่างมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้มีการนัดหมาย

๔. วันที่มาประชุม ตรงกับวันเพ็ญเดือน มาฆะ (วันเพ็ญกลางเดือน 3) เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนา อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาฏิโมกข์

โอวาทปาฏิโมกข์

โอวาทปาฏิโมกข์ คือ ข้อธรรมย่ออันเป็นหลักหรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา 3 ประการ ได้แก่

๑. ไม่ทำความชั่วทั้งปวง

๒. ทำความดีให้ถึงพร้อม

๓. ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส

การปลงมายสังขาร

หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้และสั่งสอนพระธรรมมาเป็นระยะเวลา 45 ปี พระองค์ทรงปลงมายุสังขาร คือตั้งพระทัยว่า "ต่อแต่นี้ไปอีก 3 เดือน เราจักเสด็จดับขันธปรินิพพาน" การปลงอายุสังขาร ตรงกับวันมาฆบูชาในปีที่พระพุทธองค์มีพระชนมายุ 80 พระชันษา

ด้วยเหตุนี้ ในวันมาฆบูชา ชาวพุทธจึงถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า รวม 2 ประการ คือ เป็นวันที่แสดงโอวาทปาติโมกข์ และเป็นวันปลงอายุสังขาร

ประวัติการประกอบพิธีมาฆบูชา

ในหนังสือพระราชพิธีสิบสองเดือน อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ดังนี้

การมาฆบูชานี้ แต่เดิมก็ไม่ได้เคยทำมา พึ่งเกิดขึ้นเมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตามแบบโบราณบัณฑิตนิยมไว้ว่า วันมาฆบูชามีพระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์ เป็นวันที่พระอรหันต์พุทธสาวก 1,250 ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์สี่ประการ เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต พระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์ เป็นการประชุมใหญ่และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์จึงได้ถือเอาเหตุนั้นกอบการสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ 1,250 พระองค์นั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสและสังเวช

การพระราชกุศลนั้น เวลาเช้าพระสงฆ์วัดบวรนิเวศน์และวัดราชาประดิษฐ์ 30 รูป ฉันในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำเสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเหมือนอย่างที่วัดแล้ว จึงได้สวดมนต์ต่อไป มีสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วย สวดมนต์จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ 1,250 เล่ม มีประโคมด้วยอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงได้มีเทศนาโอวาทปาติโมกข์กัณฑ์ 1 เป็นเทศนาทั้งภาษามคธและภาษาสยาม เครื่องกัณฑ์จีวรเนื้อดีผืนหนึ่ง เงิน 3 ตำลึงและขนมต่าง ๆ เทศน์จบพระสงฆ์ซึ่งสวดมนต์รับสัพพีทั้ง 30 รูป

การมาฆบูชานี้เป็นเดือนสามบ้าง เดือนสี่บ้าง ตามวิธีปักษคณนาฝ่ายธรรมยุติกนิกาย แต่คงอยู่ในเดือนสามโดยมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทุกปีมิได้ขาด แต่ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ (หมายถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จออกบ้าง ไม่ได้ออกบ้าง เพราะมักจะเป็นเวลาประสบกับที่เสด็จประพาสหัวเมืองบ่อย ๆ ถ้าถูกคราวเสด็จพระราชดำเนินไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็ทรงทำมาฆบูชาในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีกส่วนหนึ่งต่างหากนอกจากในพระบาทมหาราชวังฯ

การประกอบพิธีเวียนเทียน ในวันมาฆบูชา

การประกอบพิธีในวันสำคัญนี้ แบ่งออกเป็น 3 อย่างคือ

๑.พิธีหลวง (หรือพระราชพิธี)

๒.พิธีราษฎร์

๓.พิธีสงฆ์

การประกอบพระราชพิธี

สำนักพระราชวัง จะมีหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ในวันมาฆบูชา ออกประกาศให้ทราบโดยทั่วกันทุกปี โดยปกติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จไปบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพระองค์เอง ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แต่บางปีจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทน

การประกอบพิธีเวียนเทียนในวันมาฆบูชา สำหรับประชาชนทั่วไป

หากเป็นสถานศึกษา ครูอาจารย์จะนำนักเรียนไปประกอบพิธีในวันมาฆบูชาที่วัด โดยบอกกำหนดนัดหมายที่แน่นอน รวมทั้งบอกวัดที่จะไปทำพิธี นักเรียนทุกคนจะต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย นำดอกไม้ ธูปเทียน ไปยังสถานที่นัดหมาย ส่วนใหญ่จะจัดพิธีในตอนบ่ายหรือเย็น

สำหรับประชาชนทั่วไป จะจัดเตรียมเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน ไปพร้อมกันที่วัด ในเวลาเย็นหรือค่ำ เพื่อประกอบพิธีมาฆบูชา การประกอบพิธีส่วนใหญ่ จะกระทำกันที่โบสถ์เพราะหลังจากฟังโอวาทและสวดมนต์เสร็จแล้ว จะทำการเวียนเทียนรอบโบสถ์

ในวันมาฆบูชา พระสงฆ์จะเป็นผู้นำในการประกอบพิธี มีการให้โอกาส สวดมนต์ และ นำในการเวียนเทียน มีการแสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวันมาฆบูชา มี การนั่งสมาธิเจริญภวนา ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวสุดแต่เห็นสมควร

ข้อปฏิบัติสำหรับชาวพุทธในวันมาฆบูชา ที่ควรทราบมีดังนี้

๑. จัดเตรียมเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน มาพร้อมกันที่วัด ตามเวลานัดหมาย เพื่อฟังโอวาทหรือพระธรรมเทศนา สวดมนต์ และเวียนเทียน

๒. ก่อนออกจากบ้าน ควรอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสและแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย

๓. เมื่อถึงวัดแล้ว ควรอยู่ในอาการสำรวม ไม่พูดคุยหยอกล้อ วิ่งเล่น หรือกระทำภารกิจอื่นอันไม่สมควร เช่น เคาะระฆังเล่น จุดดอกไม้ไฟ ฯลฯ

๔. เมื่อถึงเวลาประกอบพิธี ให้ทุกคนไปเข้าแถวหรือเข้าไปในสถานที่กำหนดโดยพร้อมเพรียงกัน

๕. ก่อนเริ่มพิธีเวียนเทียน พระสงฆ์ผู้เป็นประธาน จะกล่าวให้โอวาท ทุกคนต้องพนมมือถือดอกไม้ธูปเทียนตั้งใจฟังด้วยความสงบ กล่าวคำสาธุเมื่อพระสงฆ์ให้โอวาทจบ

๖. ในพิธีสวดมนต์ จะมีผู้กล่าวนำคำบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา และคำบูชาพระรัตนตรัย ให้ทุกคนจุดธูปเทียนประนมมือ กล่าวตามด้วยความเคารพ มีจิตใจยึดมั่น

บทสวดมนต์ในการทำพิธีวันมาฆบูชา มีดังนี้

๑. บทสวดมนต์ไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย (บทอรหัง สัมมา ฯ)

๒. บทสวดนมัสการนอบน้อมบูชาพระพุทธเจ้า (บทนโม ฯ 3 จบ)

๓. บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ (บทอิติปิโสฯ )

๔. บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทองค์ใดพระสัมพุทธ ฯ)

๕. บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ (บทสวากขาโตฯ)

๖. บทสวดสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทธรรมะคือ คุณากรฯ)

๗. บทสวดสรรเสริญพระสงฆคุณ (บทสุปฏิปันโนฯ)

๘. บทสวดสรรเสริญพระสงฆคุณ สวดทำนองสรภัญญะ (บทสงฆ์ใดสาวกศาสดาฯ)

๙. บทสวดพุทธมังคลชยสิทธิคาถา (บทพาหุงฯ)

๑๐.และคำแปลบทสวดพุทธมังคลชยสิทธิคาถา สวดทำนางสรภัญญะ (ปางเมื่อพระองค์ฯ)

๑๑. บทสวดบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา (อัชชายังฯลฯ)

หลังจากสวดมนต์เสร็จ ประธานในพิธีจะนำเวียนเทียน โดยเริ่มจากพระสงฆ์ สามเณรอุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป

ในการเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์ จะกระทำ 3 รอบ โดยเวียนไปทางขวา เรียกว่า เวียนแบบทักขิณาวัฎ

ในรอบที่ ๑ ให้รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า โดยภาวนาคาถา บทอิติปิโส ภควาฯ ไปจนจบ เมื่อให้จิตมีสมาธิ

ในรอบที่ ๒ ให้รำลึกถึงคุณพระธรรม โดยภาวนาคาถา บทสวดสวากขาโต ภะคะวะตาธัมโมฯ ไปจนจบ

ในรอบที่ ๓ ให้รำลึกถึงคุณพระสงฆ์ โดยภาวนาคาถา บทสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆฯ ไปจนจบ

๑. ในการเดินเวียนเทียน ต้องทำจิตใจให้มีสมาธิ สงบ และแน่วแน่อยู่กับบทบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ ไม่ควรส่งเสียงพูดคุยหรือเดินแซงผู้ที่เดินอยู่ข้างหน้า

๒. เมื่อเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว ให้นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางไว้ในจุดกำหนดเพื่อสะดวกแก่การเก็บทำความสะอาด

๓. หลังจะเสร็จพิธีเวียนเทียนแล้ว ควรช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณโบสถ์ให้เรียบร้อย แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยความสงบอิ่มเอมใจ หรืออยู่ร่วมพิธีอื่น ๆ ที่ทางวัดจัดให้มีขึ้น

วันวาเลนไทน์

ความรู้จากLABคอมพิวเตอร์

ยินดีต้อนรับขณะกรรมการที่จะมาประเมินโรงเรียนในฝันรุ่นที่3
ในวันที่ 15 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2554
ดิฉันได้อยู่การสืบค้นข้อมูลโดยlabคอมพิวเตอร์มีกิจกรรมอยู่6กิจกรรมคือ
1.การสืบค้นข้อมูล
2.การทำหนังสืออีเล็กทรอนิกส์
3.การตัดต่อวีดีโอ
4.การออกแบบผลิตภัณฑ์
5.การสร้างเว็บไซต์
6.การสร้างการ์ตูนจากโปรแกรม Flash

วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ข่าวพม่ากับไทย

ชาวรัฐฉาน ตื่นข่าวพม่าเตรียมรบว้า แห่อพยพเข้าไทย

(SHAN 29 เม.ย. 53) - ชาวรัฐฉานหลายหมู่บ้าน ตรงข้ามอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ทั้งว้า ไทใหญ่ ตื่นกระแสข่าวพม่าเตรียมโจมตีว้า UWSA หลังพ้นเส้นกำหนดตั้งหน่วยพิทักษ์ชายแดน พากันอพยพมายังชายแดนไทยนับร้อยคน....


มีรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. เป็นต้นมา ได้มีชาวบ้านในฝั่งรัฐฉาน สหภาพพม่า หลายหมู่บ้าน เช่น บ้านนากองมู บ้านห้วยอ้อ บ้านปุ่งป่าแขม ตรงข้ามอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พากันอพยพมายังชายแดนไทยอย่างต่อเนื่อง เหตุเนื่องจากมีกระแสข่าวลือกองทัพรัฐบาลทหารพม่า เตรียมเปิดฉากโจมตีกองกำลังว้า UWSA ที่ไม่ยอมรับข้อเสนอจัดตั้งเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน ตามเส้นตายที่กำหนดไว้ในวันที่ 28 เม.ย.


ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อพยพมามีทั้งชาวว้า และชาวไทใหญ่ ซึ่งมีทั้งคนเฒ่าคนแก่และลูกเล็กเด็กแดง รวมจำนวนหลายร้อยคน โดยผู้อพยพที่สามารถข้ามเข้ามาในฝั่งไทยได้พากันไปอาศัยอยู่ในหลายหมู่บ้าน ในตำบลทุ่งข้าวโปง อำเภอเชียงดาว ส่วนผู้ที่ยังไม่สามารถข้ามเข้ามา ได้กระจายกันอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ใกล้ชายแดนไทย ขณะที่มีผู้อพยพบางส่วนได้ไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านหนองแวน หมู่บ้านของชาวว้า อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 7 – 8 กม.

ผู้อพยพคนหนึ่งเล่าว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. มีกระแสข่าวลือหนาหูว่า จะเกิดการสู้รบกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองกำลังว้า UWSA ที่ไม่ยอมรับข้อเสนอรัฐบาลทหารพม่า โดยนายทหารว้าคนหนึ่งกล่าวกับชาวบ้านว่า หลังวันที่ 28 เม.ย. อาจเกิดการสู้รบกันขึ้นได้ และมีแนวโน้มที่กองทัพพม่าจะใช้ปืนใหญ่และเครื่องบินรบช่วยโจมตีด้วย

มีรายงานอีกว่า มีชาวว้าจากหมู่บ้านห้องลึก บ้านจองตอ บ้านหนองหญ้าไทร บ้านน้ำฮูนายแสง และบ้านห้วยอ้อม ในฝั่งรัฐฉาน พากันอพยพมายังชายแดนไทยด้านดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นจำนวนมากด้วย ขณะที่ครอบครัวของทหารว้า ที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ ดังกล่าวก็ได้พากันอพยพไปยังบ้านเมืองจ๊อด ที่ตั้งบก.ใหญ่อีกแห่งของกองกำลังว้า UWSA ในสังกัดพื้นที่รับชอบของหน่วย 171 เช่นเดียวกัน


กลุ่มหยุดยิงไทใหญ่ SSA-N รับข้อเสนอพม่าแล้ว หลังทนแรงกดดันไม่ไหว


(SHAN 27 เม.ย. 53) กลุ่มหยุดยิงไทใหญ่ภาคเหนือ SSA-N ที่มีกองบัญชาการใหญ่อยู่ที่บ้านแสงแก้ว เขตอำเภอเมืองสี่ป้อ ตัดสินใจรับข้อเสนอพม่าเปลี่ยนสถานภาพกองกำลังแล้ว หลังถูกกดดันอย่างหนัก แต่ยังคงมีกำลังพลส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม....

มีรายงานจากแหล่งข่าวในรัฐฉานว่า กองทัพรัฐฉาน “เหนือ” หรือกลุ่มหยุดยิงไทใหญ่ภาคเหนือ SSA-N [Shan State Army-North] ที่มีกองบัญชาการใหญ่อยู่ที่บ้านแสงแก้ว ในเขตอำเภอเมืองสี่ป้อ รัฐฉานภาคเหนือ ได้ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอรัฐบาลทหารพม่า ในการเปลี่ยนสถานภาพกองกำลังเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดนแล้ว หลังถูกรัฐบาลทหารพม่ากดดันอย่างหนักตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

กำลังพลของ SSA-N ที่ร่วมแปลงสภาพกองกำลังมีราว 900-1,000 นาย หรือราว 3 กองร้อย โดยการตัดสินใจรับข้อเสนอมีขึ้น หลังผู้นำระดับสูงของ SSA-N รวม 12 คน นำโดย พล.ต.หลอยมาว ประธานสูงสุดเข้าพบหารือพล.ต.อ่องตานทุต แม่ทัพภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ที่เมืองล่าเสี้ยว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. อันเป็นวันสิ้นสุดกำหนดส่งมอบบัญชีกำลังพลและอาวุธให้กับรัฐบาลทหารพม่า

พิธีแปลงสภาพกองกำลังอย่างเป็นทางการมีขึ้นเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่เมืองล่าเสี้ยว ภายใต้ชื่อ หน่วยพิทักษ์พื้นที่ Home Guard Force (HGF) ซึ่งไม่ได้เป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน Border Guard Force (BGF) เนื่องจากพื้นที่เคลื่อนไหวของ SSA-N ไม่ได้อยู่ติดชายแดนเช่นกลุ่มหยุดยิงอื่น ขณะที่แม่ทัพภาคพม่าได้ออกบัตรประจำตัวให้แก่กำลังพลที่เข้ารับการเปลี่ยนสถานภาพด้วย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า กำลังพลส่วนใหญ่ของ SSA-N ยังปฏิเสธที่จะแปลงสภาพตามข้อเสนอของรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งกำลังพลที่รับจัดตั้งเป็นหน่วย HGF เป็นกำลังพลในสังกัดกองพลน้อยที่ 3 เท่านั้น ขณะที่กำลังพลกองพลน้อยที่ 1 และ 7 ซึ่งมีกำลังทหารมากที่สุดยังคงเคลื่อนไหวตามปกติ

สำหรับกลุ่มหยุดยิงไทใหญ่เหนือ SSA-N มีกำลังพลราว 3 – 4 พันนาย แบ่งออกเป็น 3 กองพลน้อย ได้แก่กองพลน้อยที่ 1 , 3 และ 7 กองพลน้อยที่ 1 มีกำลังพลมากสุดราว 2,500 นาย มีพล.ต.ป่างฟ้า เป็นผบ. เคลื่อนไหวในพื้นที่เมืองเกซี กองพลน้อยที่ 3 มีกำลังพลราว 1,000 นาย มีพล.ต.หลอยมาว เป็นผบ. เคลื่อนไหวพื้นที่เมืองเคอ เมืองไหย๋ และกองพลน้อยที่ 7 มีกำลังพลราว 500 นาย มีพล.ต.ก่ายฟ้า เป็นผบ. เคลื่อนไหวพื้นที่เมืองก๋าลิ สี่ป้อ

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารพม่าได้กำหนดให้กลุ่มหยุดยิงส่งมอบบัญชีกำลังพลและอาวุธในวันที่ 22 เม.ย. พร้อมกับขีดเส้นตายให้กลุ่มหยุดยิงต่างๆ จัดตั้งเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน Border Guard Force ภายในวันที่ 28 เม.ย. แต่จนถึงขณะนี้ กลุ่มหยุดยิงส่วนใหญ่ยังไม่แสดงท่าทีตอบรับแต่อย่างใด

ขณะที่มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีการร่วมหารือกันของกลุ่มหยุดยิงในรัฐฉาน เพื่อหาแนวทางรักษาความปลอดภัยร่วมกันหากเกิดสงครามขึ้น โดยกลุ่มหยุดยิงที่ร่วมหารือมี 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กองทัพสหรัฐกองทัพเอกราชคะฉิ่นกองทัพสัมพันธมิตรชาติประชาธิปไตย หรือ กลุ่มหยุดยิงเมืองลา


พม่าลองเชิงกลุ่มหยุดยิงว้า เปิดฉากถล่มก่อนอ้างเข้าใจผิด


(SHAN 26 เม.ย. 53) ทหารพม่าลองเชิงกลุ่มหยุิดยิง เพียงพ้นเส้นกำหนดส่งมอบบัญชีตั้งหน่วยพิทักษ์ชายแดน 1 วัน เปิดฉากโจมตีกองกำลังว้า UWSA สองครั้ง อ้างเข้าใจเป็นทหารไทใหญ่ SSA ขณะที่ว้า ชี้เป็นการจงใจข่มขู่ .....

มีรายงานจากแหล่งข่าวชายแดนว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังว้า UWSA ในพื้นที่อำเภอเมืองสาด รัฐฉานภาคตะวันออก ตรงข้ามอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ 2 ครั้ง โดยการปะทะครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 เม.ย. ตรงบริเวณทิศตะวันออกของเมืองตุม ใช้เวลานานกว่า 15 นาที และครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 24 เม.ย. ตรงบริเวณเชิงดอยผ้าห่มปุก อยู่ทางทิศเหนือของอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ การปะทะใช้เวลานานประมาณ 10 นาที

ทั้งนี้ การปะทะกันทั้งสองครั้งเกิดขึ้นหลังจากทหารพม่าเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงเข้าใส่ชุดลาด ตระเวนกองกำลังว้า UWSA ก่อน และการปะทะทั้งสองครั้งได้ยุติลงหลังฝ่ายกองกำลังว้า UWSA ส่งเสียงตะโกนว่าเป็นกองกำลังว้า UWSA ไม่ใช่ศัตรูกัน ซึ่งหลังการปะทะทางฝ่ายทหารพม่าได้ทำทีแสดงความเสียใจ โดยอ้างว่าเป็นการเข้าใจผิดคิดว่าทหารว้าเป็นกองกำลังไทใหญ่ SSA อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผลการสูญเสียจากการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด

เหตุการปะทะทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น หลังจากรัฐบาลทหารพม่ามีความพยายามกดดันให้กลุ่มหยุดยิงต่างๆ เปลี่ยนสถานะภาพกองกำลังเป็นหน่วยพิทักษ์ชายแดน BGF-Border Guard Force ต่อเนื่อง และเกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังพ้นกำหนดวันที่รัฐบาลทหารพม่าขีดเส้นให้กลุ่มหยุดยิงส่งมอบบัญชีกำลังพล และอาวุธในวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลทหารพม่าได้กำหนดเส้นตายให้กลุ่มหยุดยิงจัดตั้งเป็นหน่วย พิทักษ์ชายแดน ภายในวันที่ 28 เม.ย. นี้

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มหยุดยิงใดในรัฐฉานสนองรับข้อเสนอของรัฐบาลทหารพม่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของว้า UWSA เปิดเผยถึงเหตุทหารพม่าโจมตีชุดลาดตระเวนกองกำลังว้า UWSA ว่า เป็นการจงใจเพื่อหวังข่มขู่หรือลองเชิงกลุ่มหยุดยิงว้า UWSA มากกว่า

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันตรุษจีน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


ตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน เพราะชาวจีนถือว่า วันตรุษจีน คือวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน เช่นเดียวกับสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ดังนั้นชาวจีนจึงให้ความสำคัญกับเทศกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง และมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยเฉพาะชุมชนขนาดใหญ่ของคนเชื้อสายจีน ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีพิธีเฉลิมฉลองแตกต่างกันไป

สำหรับที่มาของ วันตรุษจีน นั้น เชื่อกันว่าประเพณีนี้มีมานานกว่าสี่พันปีแล้ว จัดขึ้นเพื่อฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เดิมที่ไม่ได้เรียกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่มีชื่อเรียกต่างกันตามยุคสมัย นั่นคือเมื่อ 2100 ปีก่อนคริสตศักราชจะเรียกว่า "ซุ่ย" ซึ่งมีความหมายถึงการโคจรครบหนึ่งรอบของดาวจูปิเตอร์ จนกระทั่งต่อมาในยุค 1000 กว่าปีก่อนคริสตศักราช เทศกาลตรุษจีนจะถูกเรียกว่า "เหนียน" หมายถึงการเก็บเกี่ยวได้ผลอุดมสมบูรณ์นั่นเอง

นอกจากนี้ วันตรุษจีน ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันชุงเจ๋" ซึ่งหมายถึงเทศกาลดูใบไม้ผลิ หรือขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ เพราะช่วงก่อนตรุษจีนนั้นตรงกับฤดูหนาว ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศเหมาะสมแก่การเพาะปลูก ชาวจีนจึงสามารถทำนา ทำสวน ได้อีกครั้งหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวมานั่นเอง

ส่วนการกำหนด วันตรุษจีน นั้น ตามประเพณีเทศกาลตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติของจีน และถือว่าคืนวันที่ 30 เดือน 12 เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ส่วนวันที่ 1 เดือน 1 คือวันชิวอิก หมายถึงวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ

การเตรียมงานเพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน วันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) โดยผู้คนจะเริ่มซื้อข้าวของต่างๆ เพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือน และเตรียมทำความสะอาดครั้งใหญ่ ตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่าง เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะเป็นการปัดกวาดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ภายในบ้านทั้งประตู หน้าต่าง จะประดับประดาไปด้วยสีแดง และกระดาษสีแดงที่มีคำอวยพรให้อายุยืน ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข ฯลฯ

จากนั้นครอบครัวจะร่วมรับประทานอาหารที่ล้วนแต่มีความหมายมงคลทั้งสิ้น เช่น กุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งความโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาหร่าย จะนำความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับ วันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง







นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันตรุษจีน คือ "อั่งเปา" ซึ่งมีความหมายว่า "กระเป๋าแดง" หรือจะใช้คำว่า "แต๊ะเอีย" ซึ่งมีความหมายว่า "ผูกเอว" จากที่คนสมัยก่อนชอบร้อยเงินเป็นพวงผูกไว้ที่เอว โดยการให้อั่งเปานี้ คู่แต่งงานจะให้เงินเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงานในซองสีแดง หลังจากนั้นทุกคน ในครอบครัว จะออกมาจากบ้านเพื่อกล่าวสวัสดีปีใหม่ในหมู่ญาติ และด้วยเพื่อนบ้าน ซึ่งคงคล้ายกับการที่ชาวตะวันตกพูดว่า "Let bygones be bygones" (อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป)